Article Public Address System

ระบบเสียงประกาศ หรือ ระบบกระจายเสียง หรือ ระบบเสียงตามสาย ที่นิยมเรียกกันว่า PA System (ย่อมาจาก Public Address System) นั้นสำคัญมากในการสื่อสารปัจจุบัน เพราะไม่ว่าเราไปเดินที่ไหน ในห้าง โรงพยาบาล โรงแรม ที่ทำงาน หรือแม้แต่สถานที่สาธารณะต่างๆ เรามันจะได้ยินเสียงประกาศส่งข้อความต่างๆ ผ่านระบบเสียงให้เราได้ยินกัน ด้วยเหตุผลและปัจจัยต่างๆ ทำให้สถานที่และหน่วยงานต่างๆ มีความจำเป็นที่จะต้องติดตั้งระบบเสียงประกาศไว้บริการ การประชาสัมพันธ์ การแจ้งเตือนข่าวเพื่อความปลอดภัย การป้องกันตัวเอง เพลิงไหม้ การบุกรุก การจารกรรม และการป้องกันสาธารณะอื่นๆ (ใช้ร่วมกันกับระบบความปลอดภัยอื่นๆ เพื่อเป็น Total business security system)

1. ขนาดของพื้นที่ ซึ่งจะมีผลต่อการรับรู้ข่าวสาร ถ้าเป็นพื้นที่ขนาดเล็กเช่นห้องทำงานภายในออฟฟิตเล็กๆ ที่มีห้องแค่ไม่กี่ห้องและจำนวนชั้นที่ไม่มาก เราก็ไม่จำเป็นต้องมีระบบเสียงประกาศก็ได้ แต่ถ้าเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีโซนของพื้นที่แยกเป็นสัดส่วนแบบนี้ต้องมีระบบเสียงประกาศแน่นอนเพราะเราไม่สามารถสื่อสารได้ได้ทั่วถึง เราเลยต้องมีตัวช่วยกระจายเสียงไม่ว่าจะเป็นการแจ้งข่าวสารหรือการเตือนภัย

2. สามารถแบ่งออกเป็นโซนในการประกาศเพื่อไม่ให้เสียงไปรบกวนพื้นที่อื่นได้อีก ส่วนเราจะออกแบบการทำงานแบบไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเราว่าอยากให้ระบบออกมาเป็นยังไง

3. ประกาศข่าวสารอย่างเดียวหรือมีเพลงเปิดคลอบรรยากาศในระหว่างที่จะประกาศข้อมูลข่าวสารก็ได้

4. สามารถทำการควบคุมระบบได้ เป็นศูนย์บัญชาการได้ในกรณีมีเหตุฉุกเฉิน แจ้งภัยที่เกิดขึ้น

1. ขนาดของพื้นที่ในการออกแบบระบบประกาศสาธารณะ

เป็นสิ่งแรกที่ผู้ออกแบบจะต้องให้ความสำคัญ เนื่องจาก การรู้ขนาดความกว้าง ความยาว ความสูงของอาคารสถานที่และจำนวนชั้นของอาคารสถานที่นั้นล้วนแต่มีผลทั้งต่อการออกแบบการแบ่งโซน การคำนวนความยาวของสายสัญญาณ การเลือกความสูงของจุดติดตั้ง การคำนวนจำนวนของลำโพงที่เหมาะสม ไปจนถึงการออกแบบมุมกระจายเสียงของลำโพงได้

    2.กำหนดความดังให้เหมาะสมกับพื้นที่และการใช้งาน

การออกแบบความดังที่เหมาะสมนั้น ผู้ออกแบบคำนวนให้แม่นยำ ทั่วถึงและเหมาะสม โดยจะต้องพิจารณาวัตถุประสงค์ในการใช้งานเป็นหลัก เช่น ระบบใช้เพื่อเตือนภัย หรือระบบสำหรับเปิดเพลงสร้างบรรยากาศเป็นหลัก ระบบแจ้งข่าวสาร หรือระบบเปิดเพลง background ควบคู่ไปกับการแจ้งข่าวสาร ซึ่งป็นสิ่งที่มีผลต่อการกำหนดความดังทั้งสิ้น เช่นหากเป็นระบบเตือนภัยเสียงจะต้องดัง ชัด ไกล เพื่อให้มั่นใจว่าเสียงดังพอสำหรับทุกจุด  หากเป็นระบบสำหรับประกาศข่าวสาร การเลือกความดังที่เหมาะสมจะช่วยให้เกิดการสื่อสารที่ชัดเจน หรือหากเป็นการเปิดเพลงและแจ้งข่าวสารในอาคารหรือห้างสรรพสินค้าการออกแบบระบบเสียงต้องไม่สร้างความรำคาญให้กับผู้รับข่าวสารในขณะที่ต้องชัดเจนทั่วถึงในแต่ละจุด

3 ความต้องการเฉพาะของผู้ใช้งาน (Specific requirements)

    4 ข้อจำกัดทางด้านเทคนิค และงบประมาณ

ทั้งหมดนี้มันจะเป็นข้อบ่งบอกถึงชนิด และจำนวนของอุปกรณ์ที่เราจะใช้ในการออกแบบระบบนั้นๆ

ระบบเสียงตามสาย (Public Address System) คือการส่งสัญญาณเสียงซึ่งเสียงนี้มาจากเสียงต้นทาง โดยสามารถเป็นได้ทั้งเสียงคนพูดใส่ไมโครโฟน หรือเสียงจากเครื่องเล่นเสียง เครื่องรับวิทยุ หรือจากที่อื่น ๆ และเสียงเหล่านี้จะมีการส่งไปยังอุปกรณ์ระบบเสียงตามสาย เช่น เครื่องขยายเสียงเพื่อขยายเสียงให้เพิ่มขึ้น เมื่อเสียงถูกขยายจะทำให้สามารถสัญญาณเสียงตามสายไปในระยะที่ไกล ๆ ได้ โดยปลายทางของสายจะมีการต่อเชื่อมไว้กับลำโพง เพื่อทำให้เสียงสามารถกระจายออกไปในที่นั้น ๆ ได้

ระบบเสียงตามสาย สามารถเรียกได้หลายชื่อ เช่น ระบบเสียงตามสาย ระบบประกาศเสียงตามสาย ระบบกระจายเสียง ระบบกระจายเสียงตามสาย ระบบกระจายเสียงสาธารณะ เป็นต้น โดยชื่อเหล่านี้มีความหมายเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งสิ้น สำหรับการกระจายเสียงตามสายสัญญาณออกไปยังที่ ๆ ต้องการ จะเป็นการดัดแปลงจากหอกระจายข่าว ซึ่งมีวัตถุประสงค์และวิธีการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีองค์ประกอบเหมือนกับที่กล่าวมาก่อนหน้านี้

เสียงตามสาย ทำหน้าที่อะไร?

ตามที่ชุมชน ตามอาคาร หรือตามหมู่บ้านต่าง ๆ จะต้องมีระบบเสียงตามสายเพื่อทำการกระจายเสียงสำหรับประกาศต่าง ๆ เช่นการกระจายเสียงภายในอาคาร การการะจายเสียงตามสายในชุมชนหรือหมู่บ้านเพื่อสื่อสาร บอกกล่าว หรือประชาสัมพันธ์ให้กับบุคคลภายในอาคาร ในชุมชน หรือบุคคลที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านให้ทราบถึงข้อมูลข่าวสาร การแจ้งเตือนภัยต่าง ๆ ที่สามารถทำให้เกิดอันตรายต่อคนในอาคาร ในชุมชน หรือหมู่บ้าน สำหรับบางหน่วยงานอาจใช้ระบบเสียงตามสายเพื่อเปิดเพลงหรือพูดคุยกันเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นระหว่างบุคคลในหน่วยงาน

1.สามารถประกาศในพื้นที่เฉพาะเจาะจง แค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งได้ เนื่องจากเสียงตามสายเป็นสื่อเสียงที่มีระยะขอบเขตที่ชัดเจนอย่างมาก ทำให้สามารถกระจายข่าวสาร หรือประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุมกับกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี

2.ระบบเสียงภายในพื้นที่จะมีความโดดเด่นอย่างมาก เพราะมีการติดตั้งลำโพงขนาดใหญ่ไว้รอบทิศทางทั่วพื้นที่

3.สื่อโฆษณาผ่านระบบเสียงตามสายจะเน้นพื้นที่หรือสถานที่ที่มีกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก เพื่อที่จะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ทุกคน

4.ผู้รับสารจะได้รับสารที่มีความถี่และความต่อเนื่องทำให้เกิดการฟังซ้ำ ๆ โดยผู้รับสารจะไม่สามารถเปลี่ยนช่องทางการรับสารหรือคลื่นจากวิทยุได้

ประโยชน์ของระบบเสียงประกาศ เสียงตามสาย

• เพื่อการประกาศข้อมูลข่าวสารและแจ้งเตื่อนได้อย่างทั่วถึง โดยสามารถกำหนดโซนและลำดับในการประกาศได้
• เพื่อแจ้งและนำเสนอรายการส่งเสริมและกิจกรรมส่งเสริมการขายได้
• เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบโต้และจัดการต่อเหตุการณ์ต่างๆ รวมทั้งอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที เช่น เหตุเพลิงไหม้เป็นต้น
• เพื่อเสริมสร้างความบันเทิง
• สะดวกและรวดเร็วในการติดตั้งและดำเนินการ
• ไม่มีปัญหาเรื่องสายสัญญาณขาด หรือโดนแอบตัดสาย
• โดยปกติจะใช้ภายในอาคาร ระหว่างอาคาร หรือในพื้นที่หน่วยงาน โดยเฉลี่ยจะไม่เกิน 2 กิโลเมตร

ข้อดี ของระบบเสียงตามสายดิจิตอล  (IP Public address System)

• สะดวกและรวดเร็วในการติดตั้งและดำเนินการ
• ไม่มีสัญญาณรบกวนเข้ามาในระบบ เพราะเป็นระบบดิจิตอล
• สามารถตรวจสอบและ ปรับแต่งอุปกรณ์ได้ ตลอดเวลา
• สามารถส่งสัญญาณได้ไกล เพียงแค่มี อินเตอร์เน็ต

ประเภทของระบบเสียงตามสาย

1. ระบบเสียงตามสาย ระบบกระจายเสียงตามสายสาธารณะ

ระบบเสียงตามสาย ระบบกระจายเสียงตามสายสาธารณะ คือการส่งสัญญาณเสียงที่มาจากแหล่งกำเนิดเสียงที่ต้นทาง ซึ่งอาจมาจากไมโครโฟน หรือเครื่องเล่นเสียง CD/VCD/DVD/MP3 เครื่องรับวิทยุ หรือที่อื่น ๆ เป็นต้น จากนั้นจะส่งเสียงนี้ไปยังเครื่องขยายเสียงเพื่อขยายเสียงให้กำลังสูงขึ้น เพื่อจะทำให้สามารถส่งเสียงไปตามสายได้ในระยะทางที่ไกล ๆ ได้ โดยปลายทางจะมีลำโพงเชื่อมต่ออยู่

2. ระบบกระจายเสียงแบบไร้สาย

หากใช้ระบบเสียงตามสายแบบไร้สายจะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องระยะทางซึ่งไม่สามารถเดินสายลำโพงในระยะที่ไกลได้ โดยในอดีตนั้น ระบบเสียงตามสายของโรงเรียน หมู่บ้าน มักใช้เครื่องเสียงและอุปกรณ์ประกอบหนึ่งชุด ต่อกับสายลำโพงไปในที่ต่าง ๆ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายผู้ฟัง โดยถ้าเป็นระยะทางที่ไกลมากจะมีการใช้เครื่องขยายสัญญาณ เป็นทอด ๆ เพื่อทำให้สัญญาณเสียงจากเครื่องขยายเสียงสามารถส่งสัญญาณไปที่ลำโพงแต่ละจุดเพื่อให้รับสัญญาณและการกระจายเสียงที่ดีที่สุด ถ้าใช้ระบบกระจายเสียงตามสายจะทำให้เจอกับปัญหาข้อกำจัดด้านระยะทางซึ่งไม่สามารถเดินสายลำโพงที่ระยะทาง 10 – 15 กิโลเมตรได้

การติดต้งแยกเป็นสถานที่ ตามลักษณะของการใช้งาน

1. การติดตั้ง ระบบเสียงตามสายหมู่บ้าน

2. การติดตั้ง ระบบเสียงตามสายในโรงงาน

3. การติดตั้ง ระบบเสียงในสำนักงาน สถานที่ราชการ

4. การติดตั้ง ระบบเสียงในศูนย์การค้า

5 การติดตั้ง ระบบเสียงในสถานที่บันเทิง

โดยทั่วไปนั้นการนำสัญญาณมาใช้ในระบบเสียง PA ที่นิยม มี 2 แบบ ได้แก่

1. Balance signal
สายสัญญาณแบบ Balance signal จะมีการแยกสัญญาณบวกและลบออกจากกัน โดยจะมีสายกราวด์เข้ามาช่วยป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอก ทำให้เสียงได้ที่ยินจะมีคุณภาพ ใส สะอาด ใช้สายสัญญาณหรือแจ็คทั้งหมด 3 สาย โดยมีแจ็คที่นิยมใช้ 2 แบบ ดังนี้
– XLR (Extra low resistance) เป็นสายสัญญาณชนิดที่ความต้านทานต่ำมาก ทำให้ลากสายไปได้ในระยะไกลโดยไม่มีสัญญาณรบกวน การต่อสัญญาณมีดังนี้ ขาที่ 1 กราวด์, ขาที่ 2 สัญญาณชนิดบวกหรือ Hot signal
และขาที่ 3 สัญญาณชนิดลบหรือ Cool signal
– TRS (Tip ring sheeve) มีการต่อโดยสายที่ 1 Sheeve เปรียบได้เสมือนสายกราวด์ สายที่ 2 TIP จะเป็นสัญญาณชนิดบวก และสายสัญญาณที่ 3 สาย Ring จะเป็นสัญญาณชนิดลบ

2. Unbalance signal
จะใช้สายสัญญาณหรือแจ็คทั้งหมด 2 สาย คือแจ็คแบบ Phono และแบบ RCA การต่อสัญญาณแบบ Unbalance signal จะรวมเสียงบวกและลบเข้าด้วยกัน แล้วมีสายกราวด์ช่วยในการป้องกันสัญญาณรบกวน แต่หากเดินสายแบบไกลจะมีข้อเสียคือเสียงรบกวนของสายกราวด์จะมากกว่าแบบ Unbalance signalจึงเหมาะกับการใช้งานแบบเดินสายใกล้มากกว่า

1.  ไมโครโฟน (Microphone)

ไมโครโฟน (Microphone) คืออุปกรณ์รับเสียงชนิดหนึ่งที่จะแปลงสัญญาณไฟฟ้า เพื่อทำการประมวลผลภายในเครื่องขยายเสียงหรืออุปกรณ์ผสมเสียงอื่น ๆ โดยในระบบเสียงประกาศจะใช้ไมค์โครโฟนหลักๆอยู่ 2 ประเภทคือ

1.ประเภทไมค์โครโฟนตั้งโต๊ะหรือไมค์ธรรมดาทั่วไป

2.ประเภทไมค์โครโฟนที่สามารถเลือกพื้นที่สำหรับประกาศได้ โดยไมโครโฟนแบบที่สองมักนำมาใช้เมื่อต้องการประกาศเฉพาะบางพื้นเพื่อไม่ให้ไปรบกวนพื้นที่อื่น ดังนั้นการเลือกใช้ไมโครโฟนควรให้เหมาะแก่การใช้งาน

2. เครื่องผสมสัญญาณเสียง มิกเซอร์ (Mixer)

เครื่องผสมสัญญาณเสียง มิกเซอร์ (Mixer) คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่รวม, จัดระบบ, เปลี่ยนแปลงความดัง และปรับแต่ง การเคลื่อนไหวของเสียง โดยสัญญาณเสียงมิกเซอร์ สามารถผสมเสียงสัญญาณ อนาล็อกและดิจิตอล ได้ตามชนิดของมิกเซอร์ ซึ่งสัญญาณที่มีการดัดแปลงแล้วจะรวมกันและกลายเป็นสัญญาณออกรวม

โดยในระบบเสียงตามสายสามารถเลือกช่องสัญญาณให้เหมาะสมได้โดยการเลือกเครื่องผสมสัญญาณเสียง มิกเซอร์จากการดูที่จำนวนต้นทางของแหล่งกำเนิดเสียงว่ามีจำนวนเท่าใด ถ้าเครื่องผสมสัญญาณเสียง มิกเซอร์บางตัวอาจมีระบบขยายอยู่ภายในตัวเครื่องอยู่แล้ว ก็นำมาใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องซื้อเครื่องขยายเสียงเพิ่ม และถ้ามีช่องสัญญาณขาออกอยู่ภายในตัวก็สามารถใช้แบ่งโซนได้เลย โดยไม่ต้องซื้อเครื่องขยายเสียงเพิ่มอีกเช่นกัน

3. อุปกรณ์ขยายเสียง เพาเวอร์แอมป์ (Power Amp Amplifier)

อุปกรณ์ขยายเสียง เพาเวอร์แอมป์ (Power Amp Amplifier) คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกที่สำคัญอย่างมากในด้านระบบเสียง เพราะเป็นอุปกรณ์สำหรับขยายกำลัง หรือขยายเสียงภาคสุดท้าย ซึ่งช่วยเพิ่มขนาดของสัญญาณขาออกให้เพิ่มมากกว่าสัญญาณขาเข้า จากนั้นจะส่งต่อสัญญาณเสียงออกไปยังลำโพง โดยในระบบเสียงตามสายจะเลือกใช้อุปกรณ์ขยายเสียง เพาเวอร์แอมป์ให้เหมาะสมกับจำนวนวัตต์ของลำโพงซึ่งอยู่ในระบบ จำนวนวัตต์ทั้งหมดของลำโพงไม่ควรมากกว่าจำนวนวัตต์ของเครื่องขยายเสียง

4. ลำโพง (Speaker)

ลำโพง (Speaker) คืออุปกรณ์ไฟฟ้าเชิงกลประเภทหนึ่ง ซึ่งช่วยแปลงสัญญาณไฟฟ้าให้เป็นเสียง โดยในระบบเสียงประกาศ จะมีการเลือกใช้ลำโพงเสียงตามสายหลายรูปแบบตามการติดตั้ง เช่น ลำโพงชนิดฝังฝ้า ลำโพงแบบตู้ที่มีขนาดตั้งแต่เล็กจนถึงใหญ่ ลำโพงแบบฮอร์น เป็นต้น ถ้าทราบว่าพื้นที่ที่ต้องการติดตั้งลำโพงเป็นแบบใด จะสามารถเลือกชนิดของลำโพงให้เหมาะสมกับสถานที่นั้น ๆ ได้ โดยลำโพงประกาศที่ใช้ในระบบนี้ มักเป็นลำโพงแบบพิเศษซึ่งกันน้ำกันฝุ่นได้ และมีมาตรฐานที่แตกต่างกันออกไป เช่น เช่น IP44, IP66 เป็นต้น

โดยลำโพงภายในอาคารที่เราใช้ติดตั้งจะเป็น Ceiling Speaker, Wall-Mount Speaker หรือ Projection Speaker หากเป็นการประกาศ 1 โซนจะสามารถประกาศพร้อมกันทุกจุด แต่ถ้าเป็นการประกาศในหลาย ๆ โซนสามารถประกาศพร้อมกันทุกจุดหรือประกาศแยกกันตามโซนที่คุณต้องการได้ และสายลำโพงที่เราจะใช้ติดตั้งจะเป็นสายลำโพง Indoor โดยเฉพาะ หรือสาย CAT6 Indoor ผ่านระบบ IP Address หรือใช้ลำโพงไร้สาย ผ่านคลื่น UHF

ปกติแล้วในการออกแบบระบบเสียงประกาศหรือเสียงตามสายจะมีข้อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากล เช่น มาตรฐาน NFPA 72 หรือ Nation Fire Alarm Code เป็นต้น ซึ่งผู้ออกแบบควรยึดเอาเป็นมาตรฐาน ทั้งนี้แล้ว ก็เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจจะเกิดในกรณีที่ระบบออกแบบไม่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยนั่นเอง แม้ว่าระบบเสียงประกาศสาธารณะจะมีความแตกต่างกันอย่างมากทั้งจากตัวแปรในเรื่องของขนาดพื้นที่ รูปแบบ วัตถุประสงในการใช้งาน  แต่โดยทั่วไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นระบบ PA ขนาดเล็กสร้างพลังเสียงไม่กี่วัตต์ถึงร้อยวัตต์ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ฟังหนึ่งคนจนถึงผู้ฟังหลักร้อยคน หรือระบบ ขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ฟังหลายแสนคนในหอประชุม สนามกีฬา ทั่ววิทยาเขต หรือทั้งเมือง ก็ล้วนแต่มีหลักการพื้นฐานในการออกแบบเหมือนกัน คือ การออกแบบระบบไฟฟ้า-อะคูสติกที่เหมาะสมและถูกต้อง สภาพแวดล้อมในการเผยแพร่เสียงที่ดี (สภาพเสียงในอาคาร)และการปรับแต่งในสถานที่ที่แม่นยำ และปัจจัยทั้งสามนี้จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

มาตรฐานที่ควบคุมอื่นๆที่ใช้ใน PA system

1. เครื่องเสียง แหล่งกำเนิดสัญญาณ (มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง: IEC 60268-1)
เป็นแหล่งกำเนิดสัญญาณ อาจประกอบด้วยเครื่องรับวิทยุ AM/FM เครื่องเล่น CD, DVD เครื่องเล่นเทป (ปัจจุบันไม่นิยมใช้) แบบแยกชิ้น หรือแบบรวมอุปกรณ์ดังกล่าวข้างต้นเข้าด้วยกันเป็นชิ้นเดียว (Integrated) ใช้เป็นเสียงเพลงเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในอาคาร

2. อุปกรณ์ประกาศเรียก (มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง: IEC 60268-4)
อุปกรณ์ประกาศเรียก เป็นไมโครโฟนสำหรับโอเปอร์เรเตอร์ใช้ในการประกาศ หรือส่งข่าวสารซึ่งมีทั้งชนิดที่มีเสียงกริ่งอิเล็กโทรนิกส์ หรือมีสวิตซ์เลือกโซนประกาศรวมอยู่ด้วย

3. มิกซ์เซอร์ (มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง: IEC 60268-6)
เป็นอุปกรณ์รวมสัญญาณจากแหล่งกำเนิดเสียงหลายแหล่ง เช่น เครื่องเสียงแบบแยกชิ้นอุปกรณ์ประกาศเรียกเข้าด้วยกันโดยสามารถปรับระดับสัญญาณของแต่ละช่องได้อย่างอิสระ

4. เครื่องขยายเสียง (มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง: IEC 60268-3)
เป็นอุปกรณ์ขยายสัญญาณจากมิกซ์เซอร์ เพื่อส่งเข้าระบบกระจายเสียงโดยตรง หรือผ่านอุปกรณ์เลือกโซน โดยเอาต์พุตของเครื่องขายเสียงจะเป็นลักษณะของแรงดัน (Line Voltage) เนื่องจากโหลดของเครื่องขยายเสียงในระบบประกอบด้วยลำโพงเป็นจำนวนมากซึ่งจำนวนลำโพงที่ต่ออยู่กับระบบ อาจเพิ่มหรือลดได้โดยการใช้อุปกรณ์เลือกโซน การจ่ายเอาต์พุตเป็นแรงดันจึงมีความเหมาะสมกับโหลดลักษณะนี้

5. อุปกรณ์เลือกโซน (มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง: IEC 60268-6)
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเลือกบริเวณหรือโซนที่ต้องการกระจายเสียง เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนบริเวณอื่นๆ การเลือกโซนกระจายเสียงสามารถเลือกได้ตั้งแต่หนึ่งโซนหรือทุกโซนโดยรูปแบบ (Pattern) ของโซนต่างๆนั้นถูกกำหนดไว้ในขั้นตอนออกแบบ

6. โวลลุ่มคอนโทรล (มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง: IEC 60268-17)
โวลลุ่มคอนโทรล เป็นอุปกรณ์ปรับระดับความดังของเสียง ติดตั้งอยู่ในบริเวณต่างๆ ที่ต้องการกระจายเสียง เพื่อปรับความดังของลำโพงในบริเวณนั้นๆ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

7. สายสัญญาณ (มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง: มอก.11 มอก.1100)
ที่ใช้ในระบบเสียงแบ่งเป็น 2 ส่วน คือภายในแผงกระจายเสียง อาจใช้เป็นสายเคเบิลแกนร่วมเชื่อมต่ออินพุตกับเอาต์พุตของอุปกรณ์ สำหรับในระบบกระจายเสียงอาจใช้เป็นสายทองแดงหุ้มฉนวนแบบสายอ่อน (VCT) หรือสายทองแดงหุ้มฉนวน (THW)

8. ลำโพง (มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง: IEC 60268-5)
ลำโพงในระบบเสียงมีความแตกต่างจากลำโพงของเครื่องเสียงบ้าน โดยลำโพงของระบบเสียงจะมี Matching Transformer ติดตั้งมาด้วยเพื่อแปลงเอาต์พุทของเครื่องขยายเสียงให้เหมาะสมกับอิมพีแดนซ์ของลำโพง ชนิดของลำโพงแบ่งออกเป็นหลายชนิดตามลักษณะการติดตั้ง เช่น ลำโพงแบบฝังฝ้าเพดาน (Recess Ceiling Speaker) และลำโพงฮอร์น (Horn Speaker) เป็นต้น

เนื่องจากระบบ PA system จัดเป็นระบบหนึ่งของระบบความปลอดภัยของธุรกิจและชุมชน การออกแบบและเลือกอุปกรณ์จะต้องทำโดยผู้มีความรู้ ทักษะ และมีประสบการณ์ เพื่อให้ระบบใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ มีความเชื่อถือได้ มีความมั่นใจว่าจะทำงานได้เมื่อต้องการ

บริษัทไอดีล มีวิศกรที่มีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ ที่จะให้บริการอย่างครบวงจร (Total solutions service) ของระบบ PA systemได้แก่การออกแบบ เลือกอุปกรณ์ ติดตั้ง ตรวจสอบ ทดสอบระบบ บำรุงรักษา ตรวจสอบเพื่อแก้ปัญหา (Trouble shooting) หรือต้องการปรับปรุงระบบใหม่ (Modify and upgrade) บริษัทมีสินค้าจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีคุณภาพและความชื่อถือได้ มีการใช้งานกันอยู่อย่างแพร่หลายทั่วโลก เช่นแบรนด์ Honeywell, Bosch,, Johnson Control, Siemens, Dahua, TOA,…etc. ตามแต่คุณสมบัติและความต้องการของลูกค้า

สนใจสินค้า ออกแบบระบบ เลือกซื้อระบบ หรือต้องการที่ปรึกษา ติดต่อ บ. ไอดีล ควอลิตี้ โซลูชั่น จำกัด