Organization and individual in maintaining air quality

หน้าที่ขององค์กรและบุคคลในการรักษาคุณภาพของอากาศ

เป็นหน้าที่ของผู้บริหารขององค์กรของรัฐและเอกชนตัองดำเนินการปฎิบัติตามคำแนะและกฎหมายควบคุมด้านสิ่งแวดล้อม (Environment recommendation and law) อย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาคุณภาพของมลพิษทางอากาศ ไม่ว่าภายในอาคาร และในโรงงาน ( Inside air quality) รวมทั้งอากาศภายนอก (Outside air quality) ให้มีคุณภาพดี ไม่มีพิษภัย (Toxic) ต่อชีวิตมนุษย์ที่อาศัยอยู่ ไม่ว่าโดยการสูดหายใจ (Inhale) หรือการสัมผัส (Contact) โดยตรงหรือทางอ้อม

คำแนะนำโดยย่อในการดำเนินการปฎิบัติตามคำแนะและกฎหมายควบคุมด้านสิ่งแวดล้อม ดังนี้ (ตาม OSHA และ EPA ของประเทศสหรัฐอเมริกัน ซึ่งประเทศไทยก็ได้มึการประยุกต์ใช้)

ข้อแนะนำนี้จะรวมถึงการปฎิบัติของบุคคลในการรักษามลพิษทางอากาศ

บทสรุปผู้บริหาร (Executive Summary)

  • มลพิษทางอากาศในเขตเมืองและโรงงานอุตสาหกรรมมีผลกระทบต่อสุขภาพจนเกิดกฎหมายควบคุมคุณภาพของอากาศ เพื่อให้ปลอดภัยต่อผู้คนเนื่องจากมลพิษทางอากาศ เช่น Clean Air Act
  • หน่วยงาน OSHA – Occupation, Safety and Health Association และ EPA – Environment Protection Agency ของประเทศสหรัฐอเมริกากำหนดค่าความเข้มข้นสูงสุดของสารพิษในที่ทำงานและสิ่งแวดล้อม พร้อมแนะนำเทคโนโลยีเพื่อลดมลพิษ
  • เอกสารนี้จะให้คำแนะนำแก่ผู้จัดการ EHS – Environment, Health, and Safety (สิ่งแวดล้อม สุขภาพ ความปลอดภัย) เพื่อรักษาความปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศภายใน (IQA – Internal air quality) และภายนอก (OQA – Outside air quality) ) โรงงาน และเลือกเทคโนโลยีตรวจจับสารเคมีอย่างมีประสิทธิภาพอย่างเหมาะสม

กฎระเบียบของ EPA

  • Clean Air Act ฉบับปรับปรุงปี 1990 กำหนดให้ควบคุมการปล่อยสารพิษทางอากาศ (HAPs) จากแหล่งที่สำคัญ
  • OSHA มีมาตรฐาน PSM สำหรับป้องกันอุบัติเหตุจากสารเคมี
  • EPA มีแผน RMP สำหรับวิเคราะห์ความเสี่ยงต่อชุมชนโดยรอบ และต้องอัปเดตทุก 5 ปี

มลพิษที่ต้องให้ความสนใจ

มลพิษในเขตเมือง (Urban Area Pollutants)

  • สารมลพิษหลัก (Criteria Pollutants)
    • CO, SO₂, NO₂, O₃, Pb, PM2.5/PM10
    • แต่ละชนิดมีแหล่งกำเนิดและผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน
  • สารพิษในอากาศเขตเมือง (Urban Air Toxics)
    • รายการ 30 ชนิด เช่น เบนซีน ฟอร์มาลดีไฮด์ ดีออกซิน ตะกั่ว แคดเมียม เป็นต้น
    • มี 68 แหล่งกำเนิดในเมือง เช่น โรงฟอกโลหะ โรงงานเคมี การเคลือบผิว โลหะหล่อ เป็นต้น

มลพิษจากภาคอุตสาหกรรม

  • รวมถึง HAPs VOCs สารก่อฝนกรด ปรอท และก๊าสสารเรือนกระจก
  • ตัวอย่าง VOC ที่เป็นอันตราย เช่น เบนซีน, เมทิลีนคลอไรด์ เป็นต้น
  • ปรอทเป็นสารพิษต่อระบบประสาท โดยเฉพาะหากสะสมมากในปลา สัตว์ทะเล

สารเรือนกระจก (Greenhouse Gases)

การตรวจสอบและตรวจติดตามสารเรือนกระจก

  • เช่น CO₂, CH₄, N₂O, HFCs, SF₆ เป็นต้น
  • จำแนกเป็น Scope 1, 2, 3 ตามแหล่งที่มา
  • CO₂ มีค่า GWP = 1, SF₆ สูงถึง 23,900 เท่า

ข้อกำหนดด้านการตรวจวัด (Monitoring Requirements)

  • ตรวจวัดการรั่วซึม (LDAR) แหล่งเผาไหม้ ช่องระบายอากาศ เปลวไฟ สารปรอท กลิ่นเหม็น สารพิษ VOC เป็นต้น
  • ให้ใช้อุปกรณ์วัดแบบเรียลไทม์ (Real time) มีความแม่นยำมากกว่าระบบวัดเป็นรอบ (Cycle)

ข้อกำหนดด้านการตอบสนองเหตุฉุกเฉิน(Emergency responses)

  • ต้องมีแผนป้องกันและระบบเตือนภัยเมื่อเกิดการรั่วไหลของสารเคมี
  • ต้องมีแผนบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อการจัดดการกรณีเกิดการรั่วไหลของสารเคมีรุนแรง

เทคโนโลยีเซนเซอร์ที่มีประสิทธิภาพ(Efficiency censor technology)

ให้บังคับให้ใช้เครื่องตรวจจับ เช่นเครื่องมือวัดคุณภาพอากาศ (Air quality measurement equipment) เครื่องมือตรวจจับแก๊สรั่ว (Gas leak detector) เครื่องมือตรวจจับ VOC เครื่องมือตรวจจับการรั่วของสารทำความเย็น (Refrigerant leak detector) เครื่องมือตรวจจับแก๊สจากการเผาไหม้ที่ปล่อยออกปล่อง (CEMS) เครื่องมือตรวจจับควันไฟ (Smoke detector) เครื่องมือตรวจจับไฟไหม้ (Fire detector) เป็นต้น เครื่องมือวัดต้องเป็นอุปกรณ์ที่วัดได้แม่นยำมีคุณภาพ เชื่อถือได้  จากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียง มีผู้ใช้แพร่หลาย

รายละเอียดดูในเทคโนโลยี่การวัดและอุปกรณ์การวัดชนิดต่างๆ เช่น

  • แบบจุดตรวจจับ (Point Sensors)
  • แบบตรวจผ่านแนวเส้นตรง (Open Path Sensors) เป็นต้น

คำแนะนำด้านเทคโนโลยีและโซลูชันส์ (Measuring point and technology)

  • ให้คำแนะนำด้านการวางแผนผังไซต์งาน การติดตั้งระบบตรวจจับ การจัดการข้อมูล ตำแหน่งเซนเซอร์ ระบบตอบสนองฉุกเฉิน และการรายงาน

การบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมโดยEPA (EPA Law enforcement)

  • เพื่อป้องกันการไม่เคารพต่อกฏหมายสิ่งแวดล้อม มีการการดำเนินคดีและค่าปรับจากการละเมิดกฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด
  • เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องช่วยกันตรวจสอบและรายงานเหตุการณ์ที่ก่อมลพิษทางอากาศแก่หน่วยงานของรัฐซึ่งรับผิดชอบโดยตรง