หลักการทำงานของเครื่องตรวจจับควันในระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้

ก่อนเกิดเพลิงไหม้จะเกิดควันไฟขึ้นระยะหนึ่งก่อน เพราะการเผาไหม้ยังไม่สมบูรณ์ (Incomplete combustion) การตรวจพบควันไฟจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทำให้รู้สถานะของการเกิดเพลิงไหม้แต่เนื่นๆ
เครื่องตรวจจับควันเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งออกแบบมาเพื่อตรวจจับอนุภาคควันในอากาศ และส่งสัญญาณแจ้งเตือนเมื่อมีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้ โดยมีรายละเอียดหลักดังนี้
ประเภทของเครื่องตรวจจับควัน

- เครื่องตรวจจับควันแบบไอออไนเซชัน (Ionization Smoke Detectors)
ตรวจจับอนุภาคขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการตรวจจับไฟที่ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว

- เครื่องตรวจจับควันแบบแสงกระเจิง (Photoelectric Smoke Detectors)
ตรวจจับอนุภาคขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับการตรวจจับไฟที่มีควันมาก (คุไฟ/ไฟที่ลุกช้า)

- เครื่องตรวจจับควันแบบสองระบบ (Dual-Sensor Smoke Detectors)
ผสานเทคโนโลยีไอออไนเซชันและโฟโตอิเล็กทริก เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับ
หลักการทำงาน (Logic)
- การตรวจจับตามเกณฑ์ (Threshold Detection)
เครื่องจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อระดับควันเกินค่าที่กำหนดไว้ล่วงหน้า - การประมวลผลสัญญาณ (Signal Processing)
ใช้อัลกอริทึมขั้นสูงเพื่อลดโอกาสการเกิดสัญญาณเตือนลวง (False Alarm) - การตรวจสอบก่อนแจ้งเตือน (Verification)
บางระบบมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยันก่อนส่งสัญญาณเตือน

การเชื่อมต่อกับระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้
- การกระตุ้นสัญญาณเตือน (Alarm Activation)
เมื่อเครื่องตรวจจับควันทำงาน ระบบจะส่งเสียงเตือน การแจ้งเตือน และอาจเปิดระบบดับเพลิงอัตโนมัติ - การระบุโซน (Zone Identification)
ช่วยระบุพื้นที่หรือโซนที่ตรวจพบควันภายในอาคารได้อย่างแม่นยำ - การเฝ้าระวัง (Monitoring)
แผงควบคุมไฟจะติดตามสถานะของเครื่องตรวจจับควัน และแสดงข้อมูลเตือนภัย
ความสำคัญของเครื่องตรวจจับควัน
- การแจ้งเตือนล่วงหน้า (Early Detection)
ช่วยให้ผู้ใช้อาคารมีเวลาในการอพยพหรือจัดการกับเหตุเพลิงไหม้ได้อย่างรวดเร็ว - ความปลอดภัยของชีวิต (Life Safety)
ช่วยลดความเสี่ยงจากการสูดควันหรืออันตรายจากไฟไหม้ - การปกป้องทรัพย์สิน (Property Protection)
การตรวจจับและตอบสนองตั้งแต่ต้นเหตุสามารถลดความเสียหายต่ออาคารและทรัพย์สินได้อย่างมาก