เครื่องมือตรวจจับควันไฟแต่เนิ่นๆ
VESDA ย่อมาจาก Very Early Smoke Detection Apparatus ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบตรวจจับควันที่ทันสมัยที่สุดที่ใช้ในอุตสาหกรรมป้องกันอัคคีภัย ระบบตรวจจับควันแบบดูดอากาศของ VESDA มักใช้ในสถานที่ต่างๆ เช่น ห้องควบคุม (Control Room), สถานีย่อยไฟฟ้า (Substation), และโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่หลากหลาย, ความชื้น, สภาพแวดล้อมที่มีการแผ่รังสีไอออน และกระแสลมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ปรกติแล้วก่อนการเกิดเพลิงไหม้ จะเกิดควันไฟขึ้นมาก่อน เพราะการเผาไหม้ยังไม่สมบูรณ์ (Incomplete combustion) การตรวจพบควันไฟจึงเป็นการทำให้รู้ก่อนการเกิดเพลิงไหม้จริง เป็นวิธีตรวจสอบเพลิงไหม้ที่มีประสิทธิผลมาก นอกจากการตรวจจับควันแล้ว ระบบ VESDA ยังสามารถติดตั้งโมดูลเพิ่มเติมเพื่อใช้ตรวจจับก๊าซอันตรายหรือก๊าซไวไฟ ทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งในด้าน การตรวจจับควัน, การตรวจจับก๊าซ และการตรวจสอบสภาพแวดล้อม
VESDA เป็นระบบตรวจจับควันแบบดูดอากาศที่สามารถเก็บตัวอย่างอากาศและตรวจจับควันได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นก่อนที่ไฟจะลุกลาม ซึ่งช่วยให้มีเวลามากขึ้นในการตรวจสอบเหตุการณ์และดำเนินการตอบสนองที่เหมาะสมเพื่อลดการบาดเจ็บ ความเสียหายของทรัพย์สิน หรือการหยุดชะงักของธุรกิจ VESDA® ทำงานเหมือนเครื่องดูดฝุ่น โดยจะดูดอากาศจากสภาพแวดล้อมที่ได้รับการป้องกันผ่านเครือข่ายท่อและข้อต่อพิเศษ จากนั้นตัวอย่างอากาศจะถูกวิเคราะห์ในห้องตรวจจับด้วยเลเซอร์
มาตรฐาน NFPA 72 เป็นมาตรฐานที่กำหนดข้อบังคับเกี่ยวกับการติดตั้ง, ทดสอบ, และว่าจ้างระบบ VESDA ระบบนี้มีการแจ้งเตือนหลายระดับและสามารถตรวจจับควันได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นก่อนที่ไฟจะลุกลาม VESDA มีความสามารถในการตรวจจับไฟที่มีประสิทธิภาพสูง การตรวจจับเพลิงไหม้เป็นส่วนสำคัญของวิศวกรรมป้องกันอัคคีภัย ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของวิศวกรและผู้ควบคุมที่มีประสบการณ์
ข้อดีของระบบตรวจจับควันแบบดูดอากาศ
- ตรวจจับควันได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
- มีความแม่นยำสูง
- ทำงานได้ดีในพื้นที่ที่มีการไหลของอากาศสูง
- มีความไวสูงและสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนหลายระดับ
- ค่าความไวไม่ลดลงตามเวลา
- ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
- ยากต่อการดัดแปลงหรือทำให้เสื่อมสภาพ
- บำรุงรักษาง่าย
- ได้รับการรับรองจากองค์กรกำกับดูแลทั่วโลก
VESDA มีให้เลือกหลายรุ่นเพื่อตอบสนองการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ตั้งแต่พื้นที่ขนาดเล็กไปจนถึงพื้นที่ขนาดใหญ่และเปิดโล่ง รวมถึงสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่สะอาดที่สุดไปจนถึงสถานที่ที่มีฝุ่นละอองสูง
VESDA ถูกนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมและสถานที่ เช่น
- อพาร์ตเมนต์, โรงแรม, ร้านค้า และสำนักงาน
- สถานกักกัน
- ห้องคลีนรูม
- ห้องเก็บของแบบควบคุมอุณหภูมิ
- พิพิธภัณฑ์และมรดกทางวัฒนธรรม
- ศูนย์ข้อมูลและโทรคมนาคม
- โรงพยาบาลและสถานพยาบาล
- อุตสาหกรรมประกันภัย
- การเดินเรือ
- โรงงานนิวเคลียร์
- อุตสาหกรรมปิโตรเลียมและก๊าซ
- ห้องสวิตช์แบบพกพา
- โรงไฟฟ้า
- คลังจัดเก็บเอกสาร
- ระบบขนส่ง
- โรงไฟฟ้าพลังงานลม
- คลังสินค้า
หลักการทำงานของระบบ VESDA
ระบบ VESDA ใช้พัดลมดูดอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อดึงอากาศเข้าสู่เครือข่ายท่อ จากนั้นอากาศจะถูกส่งผ่านตัวกรองสองขั้นตอน
- ขั้นตอนแรก: กรองฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกออกจากอากาศก่อนเข้าสู่ห้องตรวจจับ
- ขั้นตอนที่สอง: ใช้ตัวกรองแบบละเอียดพิเศษเพื่อให้แน่ใจว่าอากาศที่เข้าสู่พื้นผิวเลเซอร์ของเครื่องตรวจจับนั้นสะอาด
เมื่ออากาศผ่านกระบวนการกรองเสร็จแล้ว จะถูกส่งไปยังห้องตรวจจับด้วยเลเซอร์ ถ้ามีควันปะปนเข้ามา แสงเลเซอร์จะกระจัดกระจาย และตัวรับสัญญาณจะตรวจจับการเปลี่ยนแปลงนั้น ระบบ VESDA ใช้ Building Management System (BMS) ในการส่งข้อมูลไปยัง Fire Alarm Control Panel (FACP) โดยใช้รีเลย์สื่อสารหรืออินเทอร์เฟซระดับสูง ข้อมูลเหล่านี้ต้องถูกวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เกี่ยวกับระบบตรวจจับและการจัดการอาคาร
อุปกรณ์ตรวจจับควันแบบดูดอากาศ
อุปกรณ์ตรวจจับควันแบบดูดอากาศ (Aspirating Smoke Detector - ASD) มีส่วนประกอบหลักดังนี้
- เครือข่ายท่อดูดอากาศ (Sampling Pipe Network): ดูดอากาศผ่านรูตัวอย่างและส่งไปยังเครื่องตรวจจับ
- เครื่องตรวจจับควันแบบดูดอากาศ (Aspirating Smoke Detector): มีห้องเซ็นเซอร์ที่มีความไวสูง สามารถตรวจจับอนุภาคควันขนาดเล็กมาก พัดลมจะช่วยดูดอากาศจากพื้นที่ที่ได้รับการป้องกันเข้าสู่ห้องเซ็นเซอร์
- ไฟเบอร์ออปติก (Optical Fiber): ช่วยกำจัดอนุภาคขนาดใหญ่ก่อนเข้าสู่ห้องเซ็นเซอร์
- ท่อระบายอากาศ (Exhaust Pipe): ใช้ระบายอากาศที่ผ่านการตรวจจับแล้วออกจากระบบ
VESDA ใช้เทคโนโลยีดูดอากาศร่วมกับการตรวจจับด้วยเลเซอร์เพื่อให้สามารถแจ้งเตือนได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
1. การดูดตัวอย่างอากาศ (Air Sampling)
VESDA ใช้พัดลมดูดอากาศประสิทธิภาพสูงเพื่อดึงตัวอย่างอากาศจากจุดตรวจจับที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ป้องกัน โดยสามารถกำหนดจุดตรวจจับตามโครงสร้างและระดับความเสี่ยงของสถานที่
2. ห้องตรวจจับควัน (Smoke Detection Chamber)
ตัวอย่างอากาศที่ดูดเข้ามาจะผ่านเข้าสู่ห้องตรวจจับควัน ซึ่งสามารถตรวจจับอนุภาคควันได้แม้ในระดับที่เล็กมาก
3. เทคโนโลยีเลเซอร์ (Laser Detection Technology)
VESDA ใช้เลเซอร์ในการวิเคราะห์ตัวอย่างอากาศ โดยจะตรวจจับการกระเจิงของแสงที่เกิดจากอนุภาคควัน แม้จะอยู่ในความเข้มข้นที่ต่ำมาก ทำให้สามารถตรวจจับเพลิงไหม้ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
4. การแจ้งเตือน (Alarm Activation)
เมื่อพบควันที่เกินค่าที่กำหนด ระบบ VESDA จะส่งสัญญาณเตือนภัยเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสม เช่น การอพยพ หรือการเปิดระบบดับเพลิงอัตโนมัติ
5. การตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง (Continuous Monitoring)
VESDA สามารถเฝ้าระวังคุณภาพอากาศภายในพื้นที่ที่ได้รับการป้องกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถตรวจจับไฟหรือควันได้ก่อนที่สัญญาณปกติจะปรากฏ
การติดตั้งระบบท่อดูดอากาศ
- ท่อดูดอากาศสามารถติดตั้งได้ทั้งแบบแนวนอนและแนวตั้ง
- ขนาดท่อมาตรฐานที่ใช้คือเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 มม. และมักทำจากวัสดุ PVC, UPVC หรือ CPVC
- ในบางกรณีอาจใช้ท่อทองแดงหรือวัสดุที่ไม่เป็นเหล็กอื่นๆ ตามข้อกำหนดของท้องถิ่น
- ท่อถูกเชื่อมต่อกันโดยใช้กาว ABS และใช้ข้อต่อที่สามารถถอดออกได้ในจุดที่ต้องการการบำรุงรักษา
- การติดตั้งควรดำเนินการโดยช่างเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญ
ประเภทของเครื่องตรวจจับควันแบบดูดอากาศ
1. ระบบเลเซอร์แบบมีตัวกรอง (Laser-based Filtered System)
o ใช้เลเซอร์ร่วมกับตัวกรองอากาศ
o ตรวจจับการกระจายของแสงเพื่อแยกควันออกจากฝุ่น
2. ระบบเลเซอร์แบบไม่มีตัวกรอง (Non-filtered Laser-based System)
o ไม่ใช้ตัวกรอง อากาศจะเข้าสู่ห้องเซ็นเซอร์โดยตรง
o สามารถแยกแยะระหว่างฝุ่นและควันได้อย่างแม่นยำ
3. ระบบ Cloud Chamber
o ใช้ห้องปิดที่บรรจุไอน้ำหนาแน่น
o เมื่ออนุภาคควันเข้าสู่ห้อง ไอน้ำจะทำปฏิกิริยากับควันและเกิดการควบแน่น ทำให้ตรวจจับควันได้
4. ระบบเซ็นเซอร์แบบสองแหล่งกำเนิด (Dual Source Sensor)
o ใช้ LED สีน้ำเงิน ในการตรวจจับควันที่มีความเข้มข้นต่ำ
o ใช้ อินฟราเรดเลเซอร์ ในการแยกแยะฝุ่นเพื่อลดการแจ้งเตือนผิดพลาด
วิธีการเก็บตัวอย่างอากาศ
มี 5 วิธี ที่ใช้ในการเก็บตัวอย่างอากาศเพื่อตรวจจับควัน
1. Primary Sampling
o เก็บตัวอย่างจากบริเวณที่มีการไหลเวียนของอากาศสูง เช่น ช่องคืนอากาศหรือท่ออากาศกลับ
2. Secondary Sampling
o ใช้รูตัวอย่างที่เพดานเพื่อตรวจสอบการไหลของอากาศ
3. Localized Sampling
o ใช้กับพื้นที่เปิด เช่น โกดังหรือชั้นวางสินค้า
4. In-Duct Sampling
o ใช้ ASD แทนเครื่องตรวจจับควันแบบดั้งเดิมในระบบปรับอากาศ เพื่อตรวจจับควันที่ถูกดูดออกไป
5. In-Cabinet Sampling
o ใช้ตรวจสอบอุปกรณ์เฉพาะจุด เช่น ตู้ควบคุมไฟฟ้า
ปัจจัยที่ส่งผลต่อระบบตรวจจับควันแบบดูดอากาศ
1. ผลของการเจือจาง (Dilution Effect)
• จำนวนรูตัวอย่างที่อยู่บนท่อมีผลต่อความเข้มข้นของควัน
• ควันที่ถูกดูดเข้าท่อจะผสมกับอากาศสะอาด ทำให้ความเข้มข้นลดลง
2. เวลาในการลำเลียงควัน (Transport Time)
• เวลาที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายควันจากรูตัวอย่างไปยังห้องเซ็นเซอร์
• ปัจจัยที่ส่งผลต่อเวลาในการลำเลียง ได้แก่
o จำนวนรูตัวอย่าง
o ความเร็วของพัดลมดูดอากาศ
o ความไวของเครื่องตรวจจับ
o ความยาวรวมของท่อดูดอากาศ
ระบบตรวจจับควันแบบดูดอากาศ VESDA
- VESDA Laser Industrial Aspirating Smoke Detector (VLI)
- VESDA LaserFocus Aspirating Smoke Detector (VLF)
- VESDA® สามารถติดตั้งได้ทุกที่ที่สามารถใช้ระบบตรวจจับควันทั่วไปได้ แต่มีความยืดหยุ่นมากกว่า
ข้อได้เปรียบของ VESDA® เมื่อเทียบกับเครื่องตรวจจับควันทั่วไป
✔ มีความแม่นยำสูงกว่า
✔ ตรวจจับควันได้ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น
✔ วิเคราะห์การไหลเวียนของอากาศได้
✔ สามารถกำหนดจุดตรวจจับให้อยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงง่าย
✔ สามารถทำงานร่วมกับระบบปรับอากาศและระบบตรวจจับควันแบบอื่นๆ ได้
VESDA® สามารถติดตั้งได้ในหลากหลายสถานที่ เช่น
- ช่องว่างใต้เพดาน
- ห้องเย็น
- ห้องคอมพิวเตอร์
- คลังสินค้า